I am a Feminine Energy (ฉันเป็นดั่งพลังงานในแบบผู้หญิง)
“มนุษย์เราเกิดมาเพื่อเรียนรู้กับสภาพแวดล้อมในโลกใบนี้ที่ตัวเองเผชิญอยู่ตั้งแต่เด็กจนถึงปัจจุบัน เราเรียนรู้จากคนใกล้ตัว เรียนรู้จากกลุ่มสังคม เรียนรู้จากสื่อต่างๆมากมายส่งมอบให้กับตัวเอง แต่ละยุคสมัยต่างเรียนรู้จากสิ่งที่สังคมปรุงแต่งให้เกิดขึ้นหรือคิดค้นขึ้นในยุคนั้นๆ แล้วเราต่างเรียนรู้และซึมซับสิ่งเหล่านั้น บางสิ่งที่เรียนรู้กลายเป็นวัฒนธรรม บางสิ่งที่เรียนรู้กลายเป็นความเชื่อ บางสิ่งที่เรียนรู้กลายเป็นความจริงทางวิทยาศาสตร์ บางสิ่งที่เรียนรู้กลายเป็นสัจธรรมโลก และอื่นๆอีกมากมายที่เราเรียนรู้และต่อยอดสิ่งที่เรียนรู้นั้นมาเรื่อยๆ”
และมีสิ่งหนึ่งที่เชื่อว่ามนุษย์อยากที่จะเรียนรู้และเข้าถึง เข้าใจในการทำงานของสิ่งนั้น เพื่อหาคำตอบกับคำถามของตัวเองที่ตัวเองอาจจะยังไม่รู้ในตอนนี้และยังเก็บไว้ในจิตใจ นั่นคือพลังงานภายในตัวคุณ ที่จะเชื่อมต่อมนุษย์(Homo Sapiens)ด้วยกันบนโลกใบนี้ สิ่งที่คุณเห็นโดยทั่วไปคือผลลัพธ์แบบสำเร็จรูปของพลังงานที่แสดงออกมาสู่ภายนอก ยุคสมัยเปลี่ยนไป ความซับซ้อนก็มีมากขึ้นเท่านั้น การแข่งขันก็มีมากขึ้นเพื่อให้คุณถึงเป้าหมาย โดยที่ร่างกายทำตามความคิดความรู้สึกของคุณตลอดเวลา คุณต้องใช้พลังงานภายในตัวคุณในการต่อสู้ แข่งขัน ทำตามคำสั่ง อดทน กระตือรือร้น พลักดันตัวคุณเองตลอดเวลา ในขณะเดียวกันคุณก็ซ่อนความรู้สึก เหนื่อยล้า ความล้มเหลว ความอ่อนแอ ทุกข์ทรมาน ความกลัว และเช่นเดียวกันเราย่อมต้องการความสุข ความผ่อนคลาย มาคั่นกลางเพื่อให้เราไปต่อจนถึงจุดหมายของตัวเอง นั่นคือ พลังงานในตัวคุณโดยแท้จริง แล้วตอนนี้คุณใช้พลังงานแบบไหนอยู่…..
บทความนี้ผู้เขียนได้แรงบันดาลใจจากหนังสือชื่อ Sapiens (เซเปียนส์) ผู้แต่ง : Yuval Noah Harari (ยูวัล โนอาห์ แฮรารี)หน้า 343-352(The Discovery of Ignorance : การค้นพบความไม่รู้,หน้า 343-แปล) แปลโดย ดร.นำชัย ชีววิวรรธน์ และหนังสืออีกเล่มชื่อ 21 lessons for the 21st Century ผู้แต่ง : Yuval Noah Harari หน้า295-327 (Ignorance, You know less than you think: ความโง่เขลา คุณรู้น้อยกว่าที่คิด,หน้า 295-แปล) แปลโดย : นำชัย ชีววิรรธน์และธิดา จงนิรามัยสถิต นอกจากนี้อีกหนึ่งแรงจูงใจจากยูทูปเบอร์ชาวต่างประเทศชื่อ Christina Lope และ Adrienne Everheart’s Love Academy จากช่อง Youtube (ยูทูป) กรั่นกรองความรู้ที่ได้มาแล้วเขียนเป็นบทความนี้ที่อยากจะต่อยอดไอเดียให้ผู้อ่านทุกคนนะคะ
บทความนี้ค่อนข้างลึกซึ้งที่ผู้เขียนอยากจะส่งมอบให้ผู้อ่านนะคะ บทความที่เขียนก่อนหน้านั้นได้เกริ่นไปส่วนหนึ่งแล้วเกี่ยวกับพลังงานของเพศ ขอให้ผู้อ่านเปิดใจด้วยใจจริง แล้วผู้อ่านจะเข้าถึงว่าผู้เขียนต้องการเชื่อมต่อพลังงานนี้กับคุณ หายใจเข้า-ออก จนกว่าตัวเองจะผ่อนคลายให้มากที่สุด เพื่อให้จิตใจคุณรู้สึกเบา ว่างเปล่า เสมือนเรากำลังเข้าไปสัมผัสความรู้สึกของตัวเอง โดยปราศจากสิ่งของนอกกาย เหมือนร่างกายที่เปลือยเปล่า ผู้เขียนอยากให้ผู้อ่านเข้าถึงอีกมิติหนึ่งของพลังงานที่เรียกว่า “พลังงานความเป็นเพศหญิง” ซึ่งตัวผู้เขียนเองใช้ชีวิตมาครึ่งค่อนชีวิตและได้มารู้จักกับพลังงานนี้ โดยบทความนี้ถ่ายทอดจากประสบการณ์ของผู้เขียนเองนะคะ
“ก่อนอื่นอยากให้คำนิยาม เพราะคำเหล่านี้ อาจจะดูลึกซึ้งและเข้าใจยากหรืออาจจะไม่เหมาะที่จะนำมาใช้ เพราะยุคสมัยอาจจะคิดว่าแปลกและตีความไปต่างๆ นานา ลองนึกถึงสมัยภาษาพ่อขุน ถ้านำมาใช้ ผิดกลุ่มคน ก็ให้มุมมองต่างกันไปในการใช้คำ โดยจะให้คำนิยามของคำว่า พลังงาน เป็น ความรู้สึก, คำว่า เพศหญิง เป็น ผู้หญิง, คำว่าเพศชาย เป็น ผู้ชาย”
“เป็นเรื่องยากยิ่งนักที่จะพบความจริงแท้ ขณะคุณกำลังปกครองโลก เพราะคุณจะมีงานยุ่งมากเกินไป ผู้นำทางการเมืองและทางธุรกิจส่วนมากจะเร่งรีบกันตลอดกาล แต่การที่คุณจะเจาะลึกในหัวข้อใดก็ตาม คุณจำเป็นต้องมีเวลามากๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งคุณต้องมีอภิสิทธิ์ที่จะเสียเวลาเหล่านั้นไปได้ คุณต้องทำการทดลองกับเส้นทางที่ไม่ก่อให้เกิดผล ไปสำรวจทางตัน สร้างที่ว่างสำหรับความสงสัยและความเบื่อหน่าย และปล่อยให้เมล็ดพันธุ์เล็กๆ แห่งเชาว์ปัญญาค่อยๆเติบโตและเบ่งบาน ถ้าคุณไม่สามารถเสียเวลาไปเปล่าๆ ได้ คุณก็จะไม่มีวันพบกับความจริงแท้” (หน้า 299, แปล) จากหนังสือ 21 lessons for the 21st Century
บางครั้งความไม่รู้ ก็ต้องใช้เวลาในการหาคำตอบ เหมือนจะใช่คำตอบ แต่ก็ไม่ใช่ แต่พอค้นพบความจริงแท้ มันเป็นแก่นแท้ของคำตอบที่ตอบคำถามและข้อสงสัยกับเรามาตลอดเวลานั่นเอง
ด้วยความที่ผู้เขียนใกล้ชิดคุณแม่ตั้งแต่เด็กจนถึงมัธยมปลาย จะเรียนรู้และซึมซับคุณแม่ตลอดเวลา ตั้งแต่คุณพ่อเสีย คุณแม่จะทำหน้าที่เป็นหัวหน้าครอบครัว ซึ่งนั่นหมายถึง มันเป็นภาระที่หนักมากและต้องรับผิดชอบกับการดูแลลูกๆทั้งสามคน สิ่งที่เห็นคุณแม่ทำคือ การต่อสู้ ความอยู่รอด ความเข้มแข็ง ความอดทน ขยันตลอดเวลา เหล่านี้ที่เห็นเราจะซึมซับมาตลอด ในสมัยเรียนผู้เขียนก็ตั้งใจเรียนมากโดยไม่มีคำตอบว่าเพื่ออะไร เพราะเห็นคุณแม่ขยัน ก็เลยขยันอ่านหนังสือ คือเรียนอย่างเดียว พอเข้าสู่การเรียนที่มหาวิทยาลัยมุมมองเปลี่ยน กลุ่มคนเปลี่ยน มองการเรียนเพื่อให้ผ่านก็พอ เพื่อให้เป็นใบเบิกทางในการทำงาน พอเข้าสู่วัยทำงานที่ทำงานในองค์กรก็เรียนรู้และซึมซับวัฒนธรรมการทำงานของคนในองค์กร และจิตใจก็ยังต่อสู้ เข้มแข็งเหมือนเดิม พอมาถึงจุดหนึ่งที่เป็นเจ้าของกิจการ การต่อสู้ ความรับผิดชอบ ความอดทน ความเป็นผู้นำ การจัดการ ต้องเพิ่มขึ้นมากเท่าตัว
ตลอดระยะเวลาในการเดินทางของชีวิตมีแต่ความรู้สึกที่ว่าไขว่ขว้า ต่อสู้อยู่ตลอดเวลา และในช่วงเวลาต่างๆก็จะมีแรงดึงดูดเพศตรงข้ามเข้ามาอยู่เรื่อยๆ สิ่งที่เรามอบให้ก็จะเป็นความรู้สึกที่ซึมซึบมาตลอดช่วงชีวิต ผิวเผินดูสวยงามในรูปลักษณ์ภายนอก แต่การเข้าถึงแก่นแท้ของความรู้สึกของตัวเองที่จะส่งมอบให้เพศตรงข้าม คิดว่าให้เต็มที่ที่สุด ทำให้เวลาแสดงออกของผู้เขียนก็จะเป็นในลักษณะความเป็นผู้นำ ความอดทน ความมั่นใจ ความเป็นผู้ให้และในลักษณะ Working Woman มาก มีความรู้สึกหนึ่งที่พูดออกไปกับคนรักที่เราอนุญาตให้เข้ามาในชีวิตและบอกว่า “ดูภายนอกฉันเหมือนผู้นำตลอดเวลา แต่ภายในจิตใจลึกๆ ฉันรู้สึกเหมือนตัวเองดูบอบบางจัง” ตอนนั้นคำพูดยังหาคำตอบไม่ได้แต่ก็เก็บไว้เสมอ
เวลาผ่านไปมาถึงจุดเปลี่ยนเมื่อปี 2020 ที่หลายๆคนก็กำลังเผชิญอยู่เช่นกันกับสถานการณ์โควิด ธุรกิจซบเซา ซึ่งเป็นแรงกดดันกับความรู้สึกอยู่แล้ว และในปีเดียวกันการเดินทางของชีวิตด้วยตัวคนเดียวกับคำว่า “เลิกรา” กับคนที่เราอนุญาตให้เข้ามาในชีวิตด้วยคำพูดที่ได้รับว่า “ความรักของเรา รู้สึกว่ามันเปลี่ยนไป”คำพูดนี้ยิ่งเป็นแรงกดดันความรู้สึกเพิ่มเข้าไปอีก จุดเปลี่ยนเหล่านี้ทำให้ผู้เขียน อยู่นิ่ง ว่างเปล่าไปชั่วขณะหนึ่งและในขณะเดียวกันก็คิดทบทวนเรื่องราวในอดีตที่ผ่านมา ที่ยังคงมีคำถามกับตัวเองว่า “ทำไมและ….ทำไม” แต่ก็ยังหาคำตอบไม่ได้
ในระหว่างทางของความว่างเปล่าก็เริ่มเปิดใจที่จะเรียนรู้สิ่งใหม่ สถานการณ์ใหม่ ทั้งที่ตนเองชอบและไม่ชอบเพื่อต้องการหาคำตอบ เริ่มหาคำตอบจากการอ่านหนังสือแล้วค้นคว้าหาสาเหตุทุกคำถามเรื่อยมา เพื่อนชวนออกเดินทางท่องเที่ยวแถวจังหวัดภูเก็ต กระบี่ พังงา(เดิมทีผู้เขียนอยู่ที่จังหวัดภูเก็ตอยู่แล้วค่ะ) การเปิดใจครั้งนี้ยอมที่จะเปลี่ยนรูปร่างตัวเองเพื่อหาคำตอบเช่นกัน และแล้วจุดเปลี่ยนก็มาถึงอีกครั้ง เราไปทำความสวยหน้าอกมา มันช่างน่าขำตัวเองมากและที่พึ่งรู้สึกถึงความอ่อนโยน การเคลื่อนไหว ได้สัมผัสความรู้สึกในแบบผู้หญิง(ผู้เขียนว่าจะไม่เขียนลง แต่มันคือเรื่องจริง แต่ก็แอบขำตัวเองเหมือนกันค่ะ) จากความไม่รู้ เริ่มที่จะเรียนรู้เรื่องความรู็สึกความเป็นเพศหญิงและเพศชาย มากขึ้นและมากขึ้นด้วยการค้นคว้าแก่นแท้ของความรู้สึกนี้อย่างจริงจัง
เมื่อเข้าใจในความจริงแท้ถึงพลังงานนี้หรือที่ผู้เขียนให้แทนว่า “ความรู้สึก” แล้วมองกลับไปยังอดีตที่ผ่านมากับคำถามของตัวเอง ผู้เขียนใช้พลังงานความเป็นเพศชาย(Masculine Energy) ซึ่งพลังงานของเพศชายเป็นพลังงานที่แสดงถึงการเคลื่อนไหว ความพยายาม การบรรลุเป้าหมาย การต่อสู้ การเป็นผู้นำ การเป็นฮีโร่ พละกำลัง ในขณะเดียวกันพลังงานความเป็นเพศหญิง(Feminine Energy) เป็นพลังงานของการคงอยู่ ความอ่อนโยน ความผ่อนคลาย การหล่อเลี้ยง การให้กำเนิด ความรู้สึก การเคลื่อนไหวแต่เป็นการเคลื่อนไหวอย่างช้าช้า
ตลอดเวลาโดยส่วนใหญ่ผู้เขียนใช้ความรู้สึกความเป็นเพศชาย และขณะเดียวกันก็กดความรู้สึกของความเป็นเพศหญิงไว้ตลอดเวลา แม้กับคนที่เรียกว่า คนรัก เพื่อนร่วมงาน ครอบครัว เพื่อน ผู้เขียนยังมอบความรู้สึกความเป็นเพศชายนี้ให้พวกเขาเหล่านั้น จนกระทั่งได้ค้นพบแก่นแท้ของพลังงานความเป็นเพศชายและเพศหญิง ถ้าเป็นในลักษณะของคนรักพลังงานของเพศสิ่งที่พวกเขาต้องการคือมองหาพลังงานของความเป็นเพศหญิง และหากนำพลังงานของเพศไปปรับใช้ในการทำงาน ในกลุ่มเพื่อน ครอบครัว พลังงานความเป็นเพศหญิงแสดงถึงความอ่อนโยน ความนุ่มนวล ความถ่อมตน นำไปปรับใช้ในชีวิตประจำวันของคุณก็ย่อมได้
บทความนี้ผู้เขียนอยากจะถ่ายทอดถึงผู้อ่านที่กำลังมองหาพลังงาน(ความรู้สึก)ความเป็นแก่นแท้ของอารมณ์ ความรู้สึกของผู้หญิงหรือเพศหญิง(Feminine Energy)ที่ผู้หญิงเรากำลังเผชิญอยู่ให้เข้าใจถึงธรรมชาติ ถ้าเราฝืน เราก็จะรู้สึกเหนื่อยที่ไม่ได้ใช้พลังงานที่เป็นตัวตนของคุณอย่างแท้จริง ให้เข้าใจพื้นฐานของพลังงานของเพศที่เสมือนเป็นแรงขับเคลื่อนความรู้สึก เชื่อว่าหลายๆคนใช้พลังงาน(ความรู้สึก)ความเป็นผู้ชายหรือเพศชาย(Masculine Energy)มากเกินไป
จนมองไม่เห็นถึงพลังงานและตัวตนของความรู้สึกความเป็นผู้หญิง และไม่รู้ว่าตัวเองกดทับพลังงานนั้นไว้อยู่ ดึงพลังงานความเป็นเพศหญิงของคุณขึ้นมาค่ะ ผู้เขียนเชื่อว่า พลังงานของเพศหญิงทุกคนจะมีเหมือนกัน(ภายใน) แต่เวลาส่งมอบออกมาสู่ภายนอกบวกกับรูปร่างและอากัปกิริยาของคุณที่จะแสดงออกมาแตกต่างกันที่เรียกว่า เอกลักษณ์(Unique)และตัวตนของคุณนั่นเอง
Writer : Better Call Nika
Kommentare